ลงหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์แมกกาซีน ฉบับพ.ศ.2546 ข้อมูลและภาพโดยฟาร์มแกสบี้เวิลด์
รู้จักเฟอเรต (Ferret) แบบย่ออ่านง่ายค่ะ
สัตว์แสนน่ารักชนิดนี้มีชื่อว่า เฟอเรต (Ferret) หลายคนอาจจะสงสัยถึงที่มาของเจ้าเฟอเรตที่ว่านี้เป็นสัตว์อยู่ในตระกูลจำพวกปาด, สกั๊งค์. แบดเจอร์ (Badgers), หรือตัวโวลเวอรีเนส (Wolverines) และอีกหลายชนิดด้วยกันโดย ถิ่นกำเนิดจะอยู่ตามแถบยุโรปและอเมริกา นั้นเอง
เฟอเรต เป็นที่เรียกกันโดยส่วนมาก เดิมทีผู้พบเห็นหรือนักวิชาการจะเรียกชื่อของมันเป็นทางการหรือชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mustela putorious Furo โดยสิ่งมีชีวิตจำพวกนี้จะจัดอยู่ในจำพวกสัตว์ที่มีขน Minks ที่มีส่วนคล้ายกันมากกว่าพวกปาด หรือตัวซอลิล (Zorril) โดยสังเกตได้จากขนตามลำตัวของมัน
นับเป็นเวลาที่ผ่านไป สัตว์ประเภทนี้จะพบได้ตามแถบอเมริกาโดยส่วนมาก แต่ก็มีการนำมาพัฒนาสายพันธุ์ไปอยู่แถบแอฟริกา แต่จะเรียกสิ่งมีชีวิตนี้ว่า สกั๊งค์ และจะพบมากที่แถบออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา ขึ้นอยู่ตามแต่ละสายพันธุ์
สายพันธุ์อเมริกา จะมีข้อสังเกตลักษณะของมันตรงที่อุ้งเท้า จะมีสีดำเข้มและมีชื่อเรียกว่า M.migripes หรือเรียกอีกอย่างว่า M.vision แต่ในปัจจุบันการเรียกสิ่งมีชีวิตนี้ตามชื่อวิทยาศาสตร์จะเรียกยากพอสมควร เราจึงเรียกชื่อของมันว่า เฟอเรต
ที่มาของชื่อ
หลายคนอาจไม่รู้ว่าตัวเฟอเรตมีความหมายว่าอะไร อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้วว่าเรียกอีกอย่างว่า Mustela คือชื่อแรก เป็นชื่อที่มาจากภาษาลาติน และนามสกุลคือ putorious ก็มาจากภาษาลาตินเช่นกัน จะแปลว่า เหม็น ส่วนชื่อตามหลังสุดท้าย Furo เป็นภาษาลาตินแปลว่า ขโมย เมื่อรวมกันจะแปลว่า สัตว์ที่ชอบขโมยทุกอย่างที่ขวางหน้า หากเป็นภาษาโรมันจะแปลว่า สัตว์ที่มีกลิ่นเหม็น
เดิมทีชื่อนี้ถ้าจะกล่าวไปแล้วก็มาจากแถบอังกฤษ ก็คือ Poulecat แต่การค้นพบชื่อที่มาจริงๆแล้วจะต้องแปลตามภาษาฝรั่งเศสมากกว่า อย่างคำว่า Poule แปลว่า ไก่ ส่วน cat แปลว่าแมว ถ้ารวมกันก็จะดึความหมายจริงๆ ว่าสัตว์ที่มีลักษณะเหมือนแมวที่ชอบล่าไก่เป็นอาหาร
ถ้าจะกล่าวโดยรวมๆ อีกนัยนึงว่า สัตว์ที่มีความคล่องแคล่วว่องไวในการล่าสัตว์ หรือสัตว์ที่ชอบกินของเหม็น ของเหลือ
ลักษณะทั่วไป
เฟอเรตมีลักษณะลำตัวยาว มีความคล่องแคล่วว่องไว โดยความยาวของลำตัวประมาณ 44-60 เซนติเมตร ในความยาวของมันครึ่งหนึ่งที่กล่าวมาจะเป็นหาง มีน้ำหนักตัวโดยรวมอยู่ราวๆ 1.1-2.5 กิโลกรัม เฟอเรตตัวใหญ่จะมีน้ำหนักครึ่งหนึ่งของแมว แต่อย่างไรก็ตามน้ำหนักของมันจะไม่คงที่ขึ้นอยู่กับการกิน ถ้ากินมากบางตัวก็มีน้ำหนักมากกว่าแมวด้วยซ้ำ
เฟอเรตมี 4 ขา ขาแต่ละข้างจะมี 5 นิ้ว รวมทั้งหมด 20 นิ้ว ส่วนฟัน หากโตเต็มที่จะมีถึง 34 ซี่ด้วยกัน
สังเกตตัวผู้-ตัวเมีย
มีวิธีการสังเกตว่าตัวไหนตัวผู้หรือตัวเมียนั้นดูได้จากอวัยวะสืบพันธุ์ ถ้าจะเปรียบแล้วก็จะคล้ายกับแมวนั่นเอง และข้อสังเกตภายนอกโดยมองจากสายตา ตัวผู้จะมีลำตัวที่ใหญ่กว่าตัวเมีย
อายุขัย
เฟอเรตจะอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 6-8 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลและสภาพแวดล้อม ที่อยู่อาศัยตลอดจนอุณหภูมิความเหมาะสม
แหล่งอาศัย
เฟอเรตเป็นสัตว์ที่อยู่ตรงไหนก็ได้ เพราะมันสามารถปรับตัวได้กับทุกสภาวะ แต่หากจะกล่าวถึงที่อยู่ที่เหมาะสม ควรเป็นห้องที่มีพื้นที่ ถ้ามีบรเวณเป็นสนามหญ้าก็จะดี แต่สนามหญ้าไม่ควรรก เพราะจะหาตัวเฟอเรตได้ยาก ในห้องไม่ควรมีรูหรือซอกหลืบมากเกินไป เพราะมันสามารถเข้าไปอยู่ในรูเล็กๆ ได้อย่างสบาย
ลักษณะนิสัย
ถ้าจะกล่าวไปแล้วเฟอเรตเป็นสัตว์ที่ซุกซนมาก มันจะไม่ค่อยอยู่กับที่ อีกนิสัยเด่นๆ ของมันคือ มันชอบหารูหรือโพรง อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า ถ้านำมันปล่อยไว้ในพื้นที่ห้องหรือบริเวณที่เราปล่อย ไม่ควรมีหลืบหรือซอกมุมอับ เพราะมันมีความสามารถในเรื่องของการหาอาหารเองได้ แต่ถ้าเราปล่อยมันในที่ที่มีบริเวณ มันจะกระโดดในลักษณะคล้านแมว และร่าเริง แต่ถ้ามันหิว มันจะย่อตัวเดินเพื่อค้นหาอาหาร การเลี้ยง เฟอเรต จึงนิยมเลี้ยงในกรงมากที่สุด
ชีวิตของเจ้าตัวเฟอเรตนี้ จะไม่ค่อยได้นอนอย่างสบายเหมือนสัตว์ชนิดอื่นๆ ถ้าปล่อยมันเดินมันจะเดินตรวจสภาพพื้นที่ โดยเฉพาะมันจะหารู หรือโพรงอยู่ตลอดเวลา โดยรวมๆ แล้วเจ้าเฟอเรตมีลักษณะคล้ายแมวในเรื่องของอุปนิสัย แต่ถ้าเราเลี้ยงจนเชื่องแล้ว การดูแลมันก็ไม่ต่างจากแมวเลยทีเดียว ถ้ารวมกันอยู่เป็นคู่หรือกลุ่ม พวกมันจะเล่นกันตลอดเวลา แต่ถ้าแปลกสถานที่มันจะค่อนข้างเงียบ ช่วยกันมุดหรือสำรวจพื้นที่เพื่อเป็นที่อยู่ประจำของพวกมัน
ชนิดสีของเฟอเรต
ในการเลือกซื้อหรือดูสีโดยมากแล้ว เจ้าเฟอเรตมีสีอยู่ไม่กี่สีในตัว ขึ้นอยู่กับการผสมอย่างที่กล่าวไว้ว่าเฟอเรตเป็นสัตว์ที่อยู่ในยุโรป อเมริกา เอเชีย นิวซีแลนด์ แคนาดา แต่ถ้าตามแถบแอฟริกา จะไม่เรียกเฟอเรต แต่จะเรียก ปาด มากกว่า
ในปัจจุบันมีความนิยมเลี้ยงเฟอเรตมากในอเมริกา ส่วนใหญ่สายพันธุ์ที่ออกมาให้เราเห็นและนิยมเลี้ยงก็มีอยู่ไม่กี่ชนิด เริ่มจากที่นิยมเลี้ยงที่สุดดังต่อไปนี้
1.Mendelian (เม็นเดิลเลียน) สายพันธุ์นี้จะพบมากและขายดีที่สุด ลักษณะเด่นก็คือ ใบหน้า และคอมีสีเหลือง โคนขาสีดำ ส่วนลำตัวช่วงหลังจะมีสีเหลืองสลับขนสีน้ำตาล ซึ่งมีความสวยงามไปอีกแบบ
2.White-face (ไวท เฟซ) คือเจ้าเฟอเรตที่มีหน้าขาว ตาสีดำ ขนสีน้ำตาล
3.Albino ferret (แอ็ลบีโน เฟอเรต) ลำตัวมีสีเผือกขาว จะไม่มีส่วนไหนเป็นสีดำเลย ตาสีแดง ขนมีความนุ่มสีขาว บางตัวก็จะมีตาสีดำ , น้ำตาล ฯลฯ
4.Geme loci (เจ็ม โลโซ) สายพันธุ์นี้จะพบได้ตามธรรมชาติ ลักษณะขนมีสีดำเกือบทั่วลำตัว มีสีเหลืองแซมเพียงเล็กน้อย ขาหรืออุ้งเท้าสีดำ นัยน์ตาสีดำ ใบหน้าจะมีสีดำหรือน้ำตาล
5.Silver (ซิลเวอร์) จะมีขนตามลำตัวสีน้ำตาลเข้ม กะโหลกหรือส่วนหัวมีขนสีเงิน หูบางตัวจะมีสีขาว นัยน์ตาสีดำเงา ส่วนอุ้งเท้ามีสีน้ำตาลหรือดำ
6.Sable (เซเบิล) มีสีดำทั้งลำตัว มักพบในแถบหนาว
7.Siamase (ไซแอ็ม) ย่อมาจาก Siam ลักษณะลำตัวเรียวยาวและมีขนาดเล็ก ขนสีดำ ที่โคนหางและหาง บวกกับมีความกลมกลืนกับสีน้ำตาล
8.White feet or mitted ลักษณะนี้มีเท้าสีขาว คล้ายถุงมือ ส่วนหางและหัวตลอดจนลำตัว มีสีขาวแซมเล็กน้อย
การเลี้ยงดูและเทคนิคในการเลือกซื้อ
ก่อนจะซื้อเราควรสังเกตพฤติกรรมของมันว่ามีอาการเศร้าหรือร่าเริงและควรถามกับคนขายว่าเริ่มแรกให้เฟอเรตกินอะไร เพราะมันจะคุ้นเคยกับอาหารในช่วงแรก ไม่ควรให้กินอาหารผิดแปลกกับมันเพราะจะทำให้เจ้าเฟอเรตของคุณท้องเสียและป่วยได้
ระหว่างการซื้อควรเตรียมกล่องที่มีระบบระบายอากาศอย่างดี ภายในควรมีใยหรือกากมะพร้าว ขี้กบ หรือถ้าหาไม่ได้ก็ควรที่จะมีป้าหรืออะไรรองพื้นเพื่อความนุ่มนวลในการขนย้ายชั่วคราว แต่ถ้าให้ดีควรจะเป็นกากหรือใยมะพร้าว หรือเศษไม้ที่ผ่านการไส (ขี้กบ) แล้วก็จะดีมาก หรืออาจจะรองพื้นด้วยฟองน้ำ หรือพรมก็ได้ ข้อสำคัญเวลาเลือกซื้อควรเลือกเวลากลางวัน เพราะในเวลากลางวันแสงแดดจะช่วยให้ง่ายต่อการเลือกดูสีและลักษณะขนได้อย่างชัดเจน
เมื่อนำเจ้าเฟอเรตเข้าบ้าน ควรให้อยู่ในกรงเพื่อสร้างความคุ้นเคย และปรับสภาพโดยใช้เวลานานพอสมควร ไม่ควรไปแหย่หรือเล่นกับมันโดยทันที เพราะมันจะรำคาญ ควรให้มันอยู่ในกรงไปเลยหลังจากนั้นค่อยให้อาหารแก่เฟอเรต ในช่วงแรกควรให้อาหารที่คุ้นเคยกับมัน ไม่ควรให้อาหารที่นอกเหนือจากเจ้าของเดิมเคยให้ เพื่อสร้างความคุ้นเคย
ไม่ควรเลี้ยงไว้ในที่มีเด็กมาก เพราะก็ทำให้มันรำคาญได้ง่าย เนื่องจากเฟอเรตเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างชอบความเงียบสงบ ไม่ควรให้มันเกิดความตกใจ อาจทำให้มันขี้แตกได้ ข้อสำคัญในระหว่างการเลี้ยงไม่ควรนำกระดิ่งมาห้อยคอ เพราะมันต้องการความเงียบในการกินอาหาร ถ้าใส่กระดิ่ง จะทำให้เจ้าเฟอเรตรำคาญ และจะไม่กินอาหาร อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า มันชอบความสงบและในที่สุดมันก็จะอดอยากและตายไปในที่สุด
ในกรณีที่เลี้ยงตามธรรมชาติเฟอเรตไม่ชอบการอุ้ม หรือการกระทำอย่างรุนแรง กล่าวก็คือมันต้องการความนุ่มนวล อ่อนโยน แต่ถ้าเป็นการนำมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กการสร้างความคุ้นเคยและชินกับผู้เลี้ยงก็สามารถนำมาอุ้ม ใกล้ชิดได้อย่างสบาย
ที่อยู่อาศัย
สัตว์จำพวกนี้จะอยู่ที่ไหนก็ได้มันสามารถปรับตัวเข้ากับทุกสภาวะได้ดี โดยเฉพาะในพื้นที่จำกัดสามารถเลี้ยงเจ้าเฟอเรตที่อาพาตเม้นต์ได้ดี ตลอดจนพื้นที่ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับธรรมชาติ กล่าวโดยรวมก็คือ เฟอเรตอยู่ที่ไหนก็ได้ แต่ต้องมีพื้นที่ในการเดิน ระโดด และต้องมีใยหรือกากและเศษไม้เพื่อเป็นการประยุกต์ให้เข้ากับธรรมชาติของมัน
ไม่ควรเลี้ยงในสถานที่ที่มีน้ำขังหรือแหล่งที่มีขยะหรือใกล้สิ่งปฏิกูล และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะปล่อยให้มันอยู่ตามลำพังในที่มีความสูง หากเฟอเรตตกจากที่สูงจะทำให้มันได้รับบาดเจ็บได้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมปัจจุบันพื้นที่จะเป็นคอนกรีต แตกต่างจากธรรมชาติโดยสิ้นเชิง แต่ถ้าผู้เลี้ยงต้องการแบบธรรมชาติสามารถปล่อยตามปกติได้เลย ควรเน้นบริเวณที่อากาศถ่ายเท ไม่ควรเป็นที่ซึ้งมีอากาศร้อนและอบ ข้อสำคัญก่อนจะปล่อยตามลำพัง ผู้เลี้ยงควรตรวจสอบว่า พื้นที่นั้นปลอดภัยไม่อยู่ใกล้เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออิเล็คทรอนิคทุกอย่าง และไม่ควรมีโพรงหรือรกสกปรก
สรุปก็คือ เมื่อจะปล่อยให้มันออกมายืดเส้นยืดสาย ควรมีพื้นที่โล่งและมีของเล่น เพราะเฟอเรตมีสัญชาติญาณในการค้นหา เมื่อถึงเวลามันจะกลับมายังที่เดิม เพราะฉะนั้นมันจะเดินที่เรื่อยๆโดยไม่มีการย้อนกลับ
การดูแล
เริ่มแรกอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ควรตามใจให้เฟอเรตมันอยู่ตามลำพังในระยะแรก แล้วค่อยๆให้อาหารที่มันเคยกินมาตั้งแต่แรก สรุปในขั้นตอกแรกให้กินอาหารของมัน เนื่องจากสัญชาติญาณของมันจะคล้ายกับแมวและหมาเมื่อกินอาหารชนิดหนึ่งชนิดใดเป็นประจำก็จะติดและเคยชินเนื่องจากความรู้สึกรับรู้ต่อกลิ่น รสชาติ ไม่ควรคะยั้นคะยอหรือให้กินมากความจำเป็น เพราะจะทำให้น้ำหนักของเฟอเรตมากเกินไป ขาดความคล่องแคล่ว ท้องเสียง่าย ถ้ามันป่วยก็พาไปพบสัตวแพทย์ตามคลินิกรักษาสัตว์ เพื่อรับวัคซีนหรือฉีดยาป้องกันโรคต่างๆ ตามลำดับเมื่อถึงเวลา เพื่อความสมบูรณ์แข็งแรงของเฟอเรต
สำหรับเฟอเรตแรกเกิดหรืออายุน้อย ในเรื่องการดูแลควรเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพราะจะส่งผลดีในตอนโต ไม่ควรเลี้ยงเปลี่ยนมือกัน ควรเลี้ยงคนเดียวเพื่อสร้างความเคยชินกับคนเลี้ยง ส่งผลที่ตามมาจะทำให้มันเชื่องกับคุณในที่สุด
หลังจากนั้นก็จะเป็นเรื่องของการให้อาหารเสริมจำพวกแคลเซี่ยม วิตามิน ตามลำดับ การดูแลสัตว์ชนิดนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ในระหว่างการนำมาเลี้ยงใหม่ๆ ต้องศึกษาพฤติกรรมของมันอย่างใกล้ชิด ในเรื่องอาหาร ควรให้เป็นระยะ โดยเฉลี่ยวันละ 2 ครั้ง โดยหมั่นป้อนด้วยตัวเองกับมือ ดีกว่าวางไว้ในจานให้มันกินเอง อาจเป็นอาหารเม็ดสลับกับอาหารเหลว เช่น วิตามินหรือโปรตีน จะช่วยให้เฟอเรตแข็งแรงสามารถปรับตัวและเร่งการเจริญเติบโต อีกทั้งยังมีอาหารเสริมจำพวกคาร์โบไฮเดรต และที่ขาดไม่ได้คือ แคลเซี่ยม จะช่วยบำรุงกระดูก และทำให่ขนมันเงาสวยงาม
ข้อสังเกตอย่างหนึ่งในเรื่องของอาหารที่เจ้าเฟอเรตชอบหรือไม่ชอบ ให้ดูจากการกินของมันหากมันสามารถกินอาหารที่เจ้าของจัดให้หมดโดยไม่เหลือคาบ ก็เท่ากับว่าที่คุณให้นั้นเป็นของโปรดสำหรับมัน ในทางหลับกันหากมันกินเพียงเล็กน้อย แล้วเดินออกห่างไป ก็ไม่ต้องตกใจเพราะบางทีมันอาจจไม่หิวหรือไม่ชอบกินอาหารชนิดนั้นก็เป็นได้ โดยธรรมชาติแล้วเฟอเรตมีความเฉลียวฉลาด สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้เสมอ หากให้อาหารแล้วมันไม่ต้องการก็ควรหันมาเปลี่ยนอาหารอื่นแทน
สำหรับอาหาร ผู้เลี้ยงสามารถเลือกซื้อได้ตามร้านจำหน่ายสัตว์เลี้ยง เช่นอาหารสำเร็จรูป วิตามิน อาหารกระป๋อง อาหารเม็ด นม อาหารสำเร็จรูปเหล่านี้จะบอกถึงประโยชน์ ส่วนผสม และมีข้อแนะนำที่เหมาะสมในแต่ละวัยของเฟอเรต ส่วนวิธีการเก็บอาหารเหล่านี้คือ ให้อยู่ในบริเวณที่แห้ง อากาศถ่ายเท อุณหภูมิอบอุ่น เพื่อให้เก็บได้นานและเกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับเฟอเรต
อาหารที่เจ้าเฟอเรตโปรดปราน
หากเลี้ยงแบบใกล้เคียงธรรมชาติ หรือสภาพแวดล้อมที่เป็นตามลักษณะแบบธรรมชาติควรให้อาหารจำพวกหนอนนก แต่ก็ไม่แน่เสมอไปอย่างที่กล่าวข้างต้นว่า อยู่ที่แหล่งเพราะพันธุ์เดิมด้วยว่าให้กินอะไรเมื่อเริ่มแรก
ลำดับต่อมาที่เฟอเรตโปรดปรานก็คือ เนื้อไก่ เนื้อปลา หรือเนื้อชนิดต่างๆ แต่ไม่ใช่เนื้อสดเพราะจะทำให้มีกลิ่นคาว ควรผ่านการทำสุกก่อนเพื่อป้อนกันโรคท้องร่วง
สำหรับอาหารกระป๋อง บางประเภทจะเป็นเนื้อปลา ช่วยเพิ่มความฉลาด และรักษาหุ่นให้เพรียว กระชับ ได้สัดส่วน
หน้าที่เข้าชม | 980,132 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 539,576 ครั้ง |
เปิดร้าน | 12 มี.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 8 ก.ย. 2568 |